เชลซี ที่พ่ายให้กับ ลิเวอร์พูล จนชวดถ้วย คาราบาว คัพ ศึกนี้ขอล้างตาด้วยการส่ง ไค ฮาแวร์ตว์ นำทัพลุ้นถ้วยใบที่ 9 ของรายการนี้หลังปีที่แล้วจบได้แค่รองแชมป์ ขณะที่ “หงส์แดง” ก็ยังคงขอหนึ่งในเป้าหมาย 4 แชมป์ของซีซั่น ฝากความหวัง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ นำทีมล่าตาข่าย ในศึกฟุตบอล เอฟเอ คัพ รอบชิงชนะเลิศ คืนวันเสาร์ที่ 14 พฤษภาคมนี้ เวลา 22.45 น.
“สิงห์บูลส์” ของ โธมัส ทูเคิ่ล จัดการเฉือด “ดิ อีเกิ้ล” คริสตัล พาเลซ 2-0 ในรอบตัดเชือก ก่อนจะกลับไปตบ “ยูงทอง” ลีดส์ ยูไนเต็ด 2-0 ในเกมลีก เก็บชัยแรกในรอบ 4 เกม
สภาพทีมตอนนี้ต้องดูก่อนว่า มาเตโอ โควาซิช จะฟิตทันหรือไม่ หลังจากเจ้าตัวโดน แดเนี่ยล เจมส์ เสียบอย่างน่าเกลียดในนัดดวลยูงทอง แต่ก็ยังมี รูเบน ลอฟตัส-ชีค สแตนด์บายเพื่อทำงานร่วมกับ จอร์จินโญ่ อยู่แล้ว ส่วน เอ็นโกโล่ ก็องเต้, คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย และ เบน ชิลเวลล์ ต่างต้องชวดช่วยทีมตามเดิม
อย่างไรก็ตามคาดว่าจะมีการปรับทัพพอสมควร โดยให้บรรดาแข้งหลักที่พักเอาไว้มาลุยบ้าง ไม่ว่าจะเป็น เซซ่าร์ อัซปิลิกวยต้า, ติอาโก้ ซิลวา และ ไค ฮาแวร์ตซ์
“หงส์แดง” ของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่เฉือน “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 3-2 เข้ามาได้ในรายการนี้ เกมลีกก็จัดการ “สิงห์ผงาด” แอสตัน วิลล่า 2-1 ไร้พ่าย 15 นัดทุกรายการ
ความพร้อมเกมนี้มีเพียง ฟาบินโญ่ มิดฟิลด์คนสำคัญที่ชวดช่วยทีมด้วยอาการเจ็บแฮมสตริง ก็ต้องดูว่านัดชิงดำถ้วยหูกางกับ “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด จะสามารถกลับมาฟิตทันหรือไม่
ส่วนการจัดทัพสามแข้งหลักอย่าง แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, ติอาโก้ อัลกานตาร่า และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ จะกลับมาสตาร์ทตามเดิม ร่วมกับบรรดาแข้งหลักรายอื่นไม่ว่าจะเป็น จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, เฟอร์กิล ฟาน ไดจ์ค, หลุยส์ ดิอ๊าซ และ ซาดิโอ มาเน่