นัดนี้ ลิเวอร์พูล มีแต่ต้องเอาชนะขาดให้ได้ถึงจะตีตั๋วเข้ารอบต่อไปสำเร็จ ผนึกกำลังสามประสาน ดีโอโก้ โชต้า, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ ซาดิโอ มาเน่ ล่าตาข่าย เรอัล มาดริด ที่นอกจากจะมีแต้มต่อดีกว่า แต่ก็ไม่ยอมลดฟอร์มในศึกฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก (รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดสอง) คืนวันพุธที่ 14 เมษายนนี้ เวลา 02.00 น.
แม้ว่า 4 ใน 5 เกมล่าสุดจากทุกรายการ “หงส์แดง” จะเก็บชนะมาได้ ทว่ารายการนี้รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดแรก พวกเขาต้องกลับบ้านมือเปล่าหลังจากไปเยือน “ราชัน” กันถึงถิ่นด้วยสกอร์ 1-3 นั่นหมายความว่าเกมนี้ต้องทุ่มสุดกำลังเพื่อให้ชนะขาดเท่านั้นถึงจะได้ไปต่อ
อย่างไรก็ตามขุมกำลังที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ มีอยู่ก็ยังคงไร้เงา เฟอร์กิล ฟาน ไดค์, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, โฌแอล มาติป และ โจ โกเมซ ที่ยังไม่อยู่ในสภาพพร้อมสู้ศึก ต้องไปลุ้นผลเช็กฟิตของ ดิว็อค โอริกี้, เคอร์ติส โจนส์ และ ควีวิน เคลเลเฮอร์ แทน
รูปแบบการจัดทัพคาดว่ายังคงเป็นระบบ 4-3-3 ที่คุ้นเคย โดยให้ ติอาโก้ อัลคันตาร่า มาเปิดเกมแดนกลางกับ ฟาบินโญ่ และ จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม เพื่อดร็อป นาบี เกอิต้า เอาไว้ก่อน ส่วนแนวรุกยังคงวางใจ โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ดีโอโก้ โชต้า และ ซาดิโอ มาเน่
ทางด้าน ซีเนดีน ซีดาน ที่พาทัพ “ราชันชุดขาว” เอาชัยมาได้มากถึง 6 นัดต่อเนื่องทุกรายการ แถมรายการนี้ก็มีแต้มต่อดีกว่าเจ้าบ้านอีก แม้ว่าจะยังใช้งาน ดานี่ การ์บาฆาล, เอแด็น อาซาร์ และ ลูคัส บาสเกซ ที่เจ็บไปก่อนหน้า รวมถึง เซร์คิโอ รามอส และ ราฟาแอล วาราน ที่เพิ่งจะติดโควิด-19 ไป ก็ดูเหมือนจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่มากนัก
นัดนี้เป็นไปได้ว่าเทรนเนอร์อดีตเพลย์เมกเกอร์ระดับตำนานจะใช้ระบบ 4-3-3 เข้าทำศึกในถิ่นแอนฟิลด์ โดยให้ เอแดร์ มิลิเตา และ นาโช่ เฟร์นานเดซ ประจำการเซนเตอร์แบ็ก ส่วน มาร์โค อาเซนซิโอ, คาริม เบนเซม่า และ วินิซิอุส จูเนียร์ ยังคงอยู่แนวรุกตามเดิม