ถ้วยใบนี้ไม่มีใครยอมใคร ลิเวอร์พูล ดวล เชลซี ครบ 90 นาที ยังไม่มีใครทประตูได้ แม้จะต่อเวลาพิเศษให้ก็ยังกินกันไม่ลง จนต้องมาดวลจุดโทษหาแชมป์ และเป็นลูกทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่แม่นกว่า ชนะไปด้วยสกอร์ 11-10 คว้าแชมป์คาราบาว คัพ สมัยที่ 9 ในรอบ 10 ปีไปครอง
“สิงห์บลูส์” เกมนี้นายใหญ่ โธมัส ทูเคิ่ล ที่พาทีมตีตั๋วชิงดำด้วยการหักขา “ไก่เดือยทอง” สเปอร์ส 3-0 ในสองนัด ตามด้วยซัด ลีลล์ 2-0 ในเกมยุโรป เก็บชัยไป 6 นัดรวด ขณะที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือ “หงส์แดง” ก็ทำผลงานไม่น้อยหน้านับตั้งแต่แหก “ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล 2-0 ในรอบตัดเชือก ตามด้วยตบ “ยูงทอง” ลีดส์ ยูไนเต็ด อีกครึ่งโหล เพิ่มสถิติคว้าชัย 9 เกมติดเช่นกัน
เปิดศึกมาถึงนาที 6 ไค ฮาแวร์ตซ์ ที่ขยับขึ้นมาเก็บบอลเข้าในแล้วป้ายให้ เซซ่าร์ อัซปิลิกวยต้า ที่อยู่ฝั่งขวาเข้ามาตบก่อนทที่ คริสเตียน พูลิซิช จะเข้าชาร์จในระยะ 6 หลา จังหวะนี้ยังไม่สามารถแหกเซฟของ ควีวิน เคลเลเฮอร์ ไปได้
นาที 15 ลูกทีมของ ทูเคิ่ล ยังทักไม่เลิก คราวนี้เป็นทีของ เมสัน เม้าน์ท ที่หมุนตัวซัด ทว่า อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ได้จังหวะตักเข้ากรอบให้ ซาดิโอ มาเน่ เข้าโขกหลุดหลังไปเสียก่อน
นาที 22 ลิเวอร์พูล ได้ลุ้นประตูแรกจากการปั่นฟรีคิกของ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ที่เขี่ยให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ลั่นไกผ่านบร็อคได้แต่ไม่เข้ากรอบ
นาที 30 นาบี เกอิต้า เข้ามารับบอลหน้ากรอบ 18 หลา ตะบันติดไซค์ก้อย แม้ว่า เอดูอาร์ เมนดี้ จะเซฟเข้าทางปืนของ ซาดิโอ มาเน่ ทว่าการลั่นไกในระยะเผาขนของปีกเซเนกัลก็ไม่สามารถทำอะไรได้
นาที 34 โฌแอล มาติป สวนกลับ มาเตโอ โควาซิช ทะลุช่องให้ ไค ฮาแวร์ตซ์ ลุยเดี่ยวยกข้ามนายด่าน “หงส์แดง” ไปได้ ทว่าจังหวะนี้นอกจากหลุดเสาไปแล้วยังโดนธงล้ำหน้าตามหลังมาอีกด้วย
10 นาทีสุดท้ายของครึ่งแรก “สิงห์บลูส์” เร่งฝีเท้าหวังปิดสกอร์ให้ได้ ไม่ว่าจะเป็น คริสเตียน พูลิซิช และ เซซ่าร์ อัซปิลิกวยต้า แต่ก็ยังพังประตูไม่สำเร็จ
นาที 44 คริสเตียน พูลิซิช ฉกบอลเข้ามาถึงเขตโทษก่อนจะถวายพานให้ ไค ฮาแวร์ตซ์ ยกไปที่ เมสัน เม้าน์ท เข้าหวดตามน้ำหลุดเสาแรกไปอย่างน่าเสียดาย
หมดเวลาครึ่งแรก เชลซี เสมอ ลิเวอร์พูล 0-0
สลับฝั่งกันได้แค่ 4 นาที เชลซี ไม่รอช้า คริสเตียน พูลิซิช ได้จังหวะยกบอลเข้าเขตโทษไปหา เมสัน เม้าน์ท ที่รอกดผ่านนายด่านลิเวอร์พูลชนเสาเด้งผ่านหน้าประตูออกหลังไปหน้าตาเฉย
นาที 56 “หงส์แดง” ได้ทีตีโต้บ้างเมื่อ หลุยส์ ดิอ๊าซ ดึงบอลหนีไปฝั่งซ้ายก่อนจะยัดใส่เสาแรก แต่ก็โน เทรโวห์ ชาโลบาห์ มาบล็อกไว้ทัน
เกมเดินครบชั่วโมง มาร์กอส อลอนโซ่ ก็ได้ทียกบอลให้ เมสัน เม้าน์ท หลุดไปเล่นชิ่งกับ ไค ฮาแวร์ตซ์ ก่อนจะกดเข้าซอง ควีวิน เคลเลเฮอร์
นาที 64 เอดูอาร์ เมนดี้ ออกบอลไปเข้าทาง ซาดิโอ มาเน่ ก่อนจะสวนให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ หลุดเข้าไป เอดูอาร์ เมนดี้ ลั่นหน้าประตู ทว่า ติอาโก้ ซิลวา ก็ตามมาเคลียร์บอลไปเสียก่อน
นาที 67 อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ปั่นฟรีคิกลึกเข้าหัว ซาดิโอ มาเน่ ที่โขกชงให้ โฌแอล มาติป โขกเสียบตาข่าย ก่อนจะโดนริบสกอร์คืนเมื่อ VAR ยันว่าการล้ำหน้าของ เฟอร์กิน ฟาน ไดจ์ค มีส่วนให้ได้ประตู
นาที 75 ลิเวอร์พูล ได้ลุ้นอีกหนจากจังหวะ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ทิ้งบอลให้ หลุยส์ ดิอ๊าซ เข้าจี้ เทรโวห์ ชาโลบาห์ ก่อนจะหวดติดขา เอดูอาร์ เมนดี้
นาที 77 เชลซี เป็นฝ่ายเฮเก้อบ้าง เมื่อ ติโม แวร์เนอร์ เข้าไปรับบอลในกรอบเขตโทษก่อนจะยกให้ ไค ฮาแวร์ตซ์ ขึ้นเต็มเหน่งผ่านเซฟเข้าประตูไป ทว่ากลายเป็นจังหวะล้ำหน้าอย่างน่าเสียดาย
นาที 85 โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เปิดมุมให้ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ตะบันเข้าเขตโทษ ทว่าจังหวะนี้ทั้ง หลุยส์ ดิอ๊าซ และ โฌแอล มาติป ต่างหาจังหวะปิดสกอร์ไม่ได้
นาที 90+2 อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เปิดมุมไปเข้าหัว เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ แต่ว่านายด่าน “สิงห์บลูส์” ก็ไม่ยอมให้บอลผ่านมือง่าย ๆ
นาที 90+5 มาร์กอส อลอนโซ่ ที่ไปสุดเส้นฝั่งซ้ายเปิดให้ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ทว่าโดน โรเมลู ลูกากู เปลี่ยนทางบอลเสียก่อน
จบเกมยังไม่มีผู้ชนะ ต้องต่อเวลาพิเศษ 30 นาที แม้ว่าเชลซีจะมีโอกาสพังประตูถึง 2 ครั้ง แต่ก็โดนจับล้ำหน้าทั้งหมด ทำให้สุดท้ายต้องดวลจุดโทษมาก 11 ลูก และเป็น ควีวิน เคลเลเฮอร์ ที่สวมบทฮีโร่ซัดเม็ดสุดท้ายทำประตูให้กับ ลิเวอร์พูล ส่งผลให้ต้นสังกัดคว้าแชมป์คาราบาว คัพ สมัยที่ 9 ไปครอง ส่วน เชลซี ต้องจบรายการนี้แบบดราม่าเมื่อลูกสุดท้ายไม่เข้าเป้า